Pico Laser หลังทำหน้าไม่แดง เลือดไม่สาด จะเห็นผลหรือไม่?

Pico laser คืออะไร?

เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องเม็ดสีผิวโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นความผิดปกติของเม็ดสีผิว (Hyperpigmentation) คืนความกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ รอยสิว ฝ้า กระ หรือรอยสักให้จางลงได้โดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ นอกจากนี้ยังสามารถนำมาใช้เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน รักษาปัญหารูขุมขนได้อีกด้วย

Pico Laser ทำงานอย่างไร?

เป็นเลเซอร์ที่ปล่อยพลังงานแสงความถี่สูงด้วยความเร็วสูงสุดที่ระดับ 1 ต่อล้านล้านวินาที ซึ่งเป็นการปล่อยพลังงานสูงในช่วงระยะเวลาที่สั้นมาก ทำให้เม็ดสีแตกตัวละเอียดเป็นอนุภาคเล็กลงเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว และถูกดูดซึมออกจากกร่างกาย จึงเห็นผลลัพธ์ได้เร็ว ช่วยลดการสะสมความร้อนที่ชั้นผิว ลดโอกาสเกิดรอยคล้ำหลังทำ สามารถควบคุมเฉพาะเจาะจงกับจุดที่ยิงได้อย่างแม่นยำและไม่ทำให้กระทบต่อเนื้อเยื่อโดยรอบ

อาการหน้าแดงหลังทำ Pico Laser เกิดจากอะไร? 

เกิดจากพลังงานเลเซอร์ไปกระตุ้นผิวหนัง ทำให้เกิดการอักเสบชั่วคราว  โดยทั่วไปแล้ว รอยแดงจะค่อยๆ จางลงภายใน 2-3 วัน 

ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อระยะเวลาและความรุนแรงของรอยแดง ดังนี้

• พลังงานเลเซอร์: การส่งพลังงานสูงช่วงสั้นๆ ไปที่ผิวหนัง เป็นกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมและฟื้นฟูสภาพผิว ทำให้เลือดไหลเวียนมาที่บริเวณที่ทำการรักษามากขึ้น ทำให้เกิดอาการแดงชั่วคราว
• บริเวณที่ทำ: บริเวณผิวบางๆ มักมีรอยแดงมากกว่าบริเวณอื่น
• สภาพผิว: ผิวบางหรือแพ้ง่าย มักมีรอยแดงหลังทำมากกว่าผิวปกติ
• การดูแลหลังทำ: การดูแลผิวอย่างถูกวิธี เช่น ประคบเย็น ทาครีมกันแดด หลีกเลี่ยงแสงแดด จะช่วยลดรอยแดงได้

การที่หน้าไม่แดงหลังทำ Pico Laser ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เห็นผล  เพราะ รอยแดงเป็นเพียงผลข้างเคียง ที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้

การรักษาด้วย Pico Laser สามารถปรับค่าพลังงานให้เหมาะสมได้ตามปัญหาผิวที่ต้องการรักษา ซึ่งผลที่เกิดขึ้นหลังทำเลเซอร์นั้นจะแสดงออกมาเป็นความแดงของผิวในระดับที่แตกต่างกัน

ระดับความแดงของผิวหลังทำ แบ่งความแดงได้เป็น 3 ระดับ

1. ชมพูๆ (Pink) จะช่วยเรื่องรอยสิว รอยแดง รอยดำ
2. แดง (Red) จะช่วยเรื่องรูขุมขน หลุมสิวเล็กๆ
3. เลือดออก (Bloody) จะช่วยเรื่องหลุมสิวใหญ่ๆ

เพราะฉะนั้นก่อนยิงเลเซอร์ต้องถามตัวเองว่า “ปัญหา” ที่ต้องการรักษานั้นคืออะไร ? และควรเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของตนเองที่สุด

Pico Laser มีกี่โปรแกรม

1.โปรแกรม Pico rejuvenation

การยิงโดยใช้ Full Beam Picosecond Laser เป็นการรักษาแบบไม่ก่อให้เกิดแผลหรือสะเก็ด หรือ Non-Ablative Rejuvenation ที่เน้นทำลายเม็ดสีในผิวชั้นลึก ลดการสร้างเม็ดสี เพื่อปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ กระตุ้นการไหลเวียนเลือด การสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูสภาพผิวให้ขาวกระจ่างใสมากขึ้น ใช้พลังงานไม่สูงมาก ไม่สร้างความเสียหายให้ผิวหนังชั้นอื่นๆ ทำให้ผิวฟื้นตัวเร็ว

จุดเด่น

• เหมาะสำหรับรักษา: ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ฝ้า รอยสิว จุดด่างดำ ปากคล้ำ รอยแผลเป็น ปาน
• ความรู้สึกระหว่างทำ: จะรู้สึกดีดที่ผิวเบาๆ ไม่รู้สึกเจ็บ
• ผลลัพธ์: จะค่อยๆ ชัดขึ้นหลังทำ 3-4 สัปดาห์ 
• ทํากี่ครั้งเห็นผล: แนะนำทำต่อเนื่องติดต่อกัน 6-12 ครั้ง ทุก 2-3 สัปดาห์ (จำนวนครั้งขึ้นอยู่กับปัญหาแต่ละบุคคล)
• ลักษณะผิวหลังทำ: อมชมพูอ่อนๆ 1-2 ชั่วโมงก็จะหายเป็นปกติ ไม่ต้องพักหน้า

2.โปรแกรม Pico Focus

การยิงโดยใช้Full Beam Picosecond Laser เพื่อทำลายเม็ดสีให้แตกละเอียด เน้นการทำลายเม็ดสีเฉพาะจุด ไม่ว่าจะเป็นในผิวชั้นลึก หรือชั้นตื้น การปรับพลังงานจะขึ้นอยู่กับปัญหาเฉพาะบุคคล

จุดเด่น

• เหมาะสำหรับรักษา: ปัญหากระตื้น กระลึก ฝ้าแบบตกสะเก็ด รอยสัก
• ความรู้สึกระหว่างทำ: จะรู้สึกดีดที่ผิว และร้อนมากขึ้น เนื่องจากมีการปรับพลังงานสูงกว่าโปรแกรม Pico Rejuvenation
• ผลลัพธ์: หลังทำครั้งแรกจะเห็นผลลัพธ์ทันทีประมาณ 30%-50% เนื่องจากหลังตกสะเก็ดรอยดำจะลอกออกไปด้วย
• ทํากี่ครั้งเห็นผล: แนะนำทำต่อเนื่องติดต่อกัน 1-3 ครั้ง หากเป็นรอยดำที่ผิวชั้นลึก เช่น กระลึก อาจใช้จำนวนครั้ง และระยะการพักมากขึ้น
• ลักษณะผิวหลังทำ: บริเวณจุดรอยดำผิวจะแดง และอาจมีการตกสะเก็ดเฉพาะจุดได้หลังทำ ควรพักหน้าอย่างน้อย 5-7 วัน

3.โปรแกรม Pico Reskin

ใช้เลนส์พิเศษที่เรียกว่า Micro Lens Arrays (MLA) ซึ่งประกอบด้วยเลนส์เล็กๆ บีบลำแสงเลเซอร์เป็นจุดเล็ก ๆ หลาย ๆ จุด ที่มีพลังงานในแต่ละจุดสูงยิงลงไปที่ผิว ซึ่งลักษณะของ Fractional Beam จะเกิดแรงกระแทกต่อจุดมากขึ้น เกิดภาวะ Laser-Induced Optical Breakdown (LIOB) ทำให้เกิดโพรงช่องว่างใต้ผิว ในชั้นลึก ทำให้ร่างกายเกิดกระบวนการซ่อมแซมจุด ๆ นั้น มีการกระตุ้นสร้าง และเรียงตัวคอลลาเจนใหม่ ช่วยรักษารูขุมขนกว้าง แผลเป็นหลุมสิว หรือริ้วรอยได้ดี

จุดเด่น

• เหมาะสำหรับรักษา: ปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน แผลเป็นหลุมสิว ริ้วรอยเล็กๆ
• ความรู้สึกระหว่างทำ: จะรู้สึกดีดที่ผิวแรง และมีความแสบร้อน ดังนั้นจึงควรมีการทำยาชา ประคบเย็น หรือเป่าลมเย็นร่วมด้วยเพื่อช่วยลดความเจ็บ
• ผลลัพธ์: จะค่อยๆชัดขึ้นหลังทำประมาณ 1-3 เดือน
• ทํากี่ครั้งเห็นผล: แนะนำทำต่อเนื่องติดต่อกัน 3-5 ครั้ง ทุก 1 เดือน
• ลักษณะผิวหลังทำ: ผิวหน้าจะอมชมพู-แดง จากการมีจุดเลือดออกใต้ผิวเล็กน้อย หรืออาจมีการตะสะเก็ดได้ ควพักพักหน้าอย่างน้อย 3-5 วัน

การดูแลหลังทำPico Laser

1. กรณีที่ผิวมีจุดเลือดออก หรือยิงตกสะเก็ด ควรงดการล้างหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง หากแผลโดนน้ำควรรีบซับให้แห้งด้วยผ้าสะอาด 
2. กรณีที่ผิวอมชมพูเล็กน้อย ควรงดล้างหน้า 2-3 ชั่วโมง การล้างหน้าควรล้างอย่างเบามือ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว
3. หลีกเลี่ยงแดดจัดประมาณ 2 สัปดาห์ และควรทากันแดดที่มีค่า SPF 30 PA++++ขึ้นไป ก่อนออกแดดทุกครั้งเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันการเกิดรอยดำคล้ำ
4. สามารถทามอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และฟื้นฟูผิวได้ ยกเว้นกรณีที่มีแผลตกสะเก็ด ควรทาเมื่อแผลเริ่มแห้งแล้ว
5. สามารถใช้เครื่องสำอางได้ในวันถัดไป หรือหากมีแผลตกสะเก็ดแนะนำให้ใช้หลังสะเก็ดแผลหลุดออกจนหมดและแห้งดีแล้ว
6. สามารถใช้ครีม หรือยาทาได้ตามแพทย์สั่ง กรณีที่มีอาการระคายเคืองหลังเลเซอร์ในช่วงแรก
7. งดสครับผิวหน้า และงดใช้ครีมบำรุงผิวที่มีความระคายเคือง เช่น กรดวิตามินเอ AHA BHA และ Retin A อย่างน้อย 1 สัปดาห์
8. งดแกะ เกา หากรู้สึกระคายเคือง คันผิว หรือมีแผลตกสะเก็ด เพราะจะยิงทำให้แผลหายช้า มีรอยดำเพิ่ม หรือรุนแรงจนอาจติดเชื้อที่แผลได้

สรุป

Pico Laser สามารถรักษาปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเม็ดสี หรือผิวไม่เรียบเนียน ดังนั้นจึงมีเทคนิคในการรักษาปัญหาแต่ละแบบแตกต่างกันไป ความรู้สึกระหว่างทำ หรือลักษณะผิวหลังทำก็ย่อมแตกต่างกัน ไม่จำเป็นว่าตอนทำต้องเจ็บ หรือหลังทำผิวต้องแดง มีเลือดออกเยอะ ถึงจะเห็นผลดี ขึ้นอยู่กับปัญหาเฉพาะบุคคล ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ประเมินเทคนิคในการรักษา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ของคนไข้ให้มากที่สุด เพราะฉะนั้นก่อนยิงเลเซอร์ต้องรู้ก่อนว่าปัญหาของเราคืออะไร