โปรแกรมฉายแสง LED Light Therapy คืออะไร

โปรแกรมฉายแสง LED Light Therapy หรือ การบำบัดด้วยแสง LED (Light Emitting Diode) เป็นเทคโนโลยีการฟื้นฟูผิวที่ใช้พลังงานแสงในช่วงคลื่นต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิว โดยไม่ทำให้เกิดความร้อนหรือการทำลายเนื้อเยื่อผิวหนัง เหมาะกับการดูแลปัญหาผิวหลากหลาย เช่น รอยแดงจากสิว ริ้วรอย ผิวหมองคล้ำ หรือผิวแห้งขาดน้ำ
หลักการทำงานของ LED Light Therapy
โปรแกรมฉายแสง LED Light Therapy ผิวช่วยกระตุ้นเซลล์ผิวให้เกิดการซ่อมแซมและฟื้นฟู โดยแสงแต่ละความยาวคลื่นจะถูกดูดซับโดยตัวรับแสงในผิว เมื่อแสง LED แต่ละสีสัมผัสกับผิวหนัง ก็จะถูกดูดซับในชั้นผิวที่แตกต่างกัน แสงที่ถูกดูดซับจะกระตุ้นการทำงานของ Mitochondria ทำให้เกิดการสร้างพลังงานมากขึ้น ส่งผลให้เซลล์ผิวทำงานได้ดีขึ้น และซ่อมแซมตัวเองได้รวดเร็วขึ้น
โปรแกรมฉายแสง LED Light Therapy แสงแต่ละสีช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

- LED สีแดง (Red Light)
แสงสีแดงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ลดการอักเสบ ลดบวม กระชับรูขุมขน ปรับผิวเรียบเนียน นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีการกดสิว แพทย์มักแนะนำให้ทำร่วมกับแสงสีฟ้า ช่วยให้ผิวบริเวณที่ทำหัตถการแข็งแรงขึ้น และลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็น - แสงสีน้ำเงิน (Blue Light)
แสงสีฟ้าเหมาะกับผู้ที่ต้องการ ฉายแสงลดสิว โดยเฉพาะสิวอักเสบ สิวจากฮอร์โมน หรือสิวที่เกิดจากการแพ้สารต่าง ๆ แสงนี้จะเข้าไปฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P. acnes (Propionibacterium acnes) ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดสิว พร้อมทั้งลดการทำงานของต่อมไขมัน ช่วยให้รูขุมขนผลิตน้ำมันน้อยลง ทำให้ผิวมันลดลงและสิวอุดตันเกิดน้อยลง - แสงสีเหลือง (Yellow Light)
แสงสีเหลือง ปลอบประโลมผิว ลดรอยแดง อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตและต่อมน้ำเหลืองให้ทำงานดีขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีผิวแดงง่าย ผิวหมองคล้ำ - แสงสีเขียว (Green Light)
แสงสีเขียว ช่วยปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอและเรียบเนียนขึ้น โดยเน้นลดความหมองคล้ำที่เกิดจากการระคายเคืองหรือผิวอ่อนแอ นอกจากนี้ยังช่วยปลอบประโลมผิว ลดอาการแพ้ ลดความไวต่อการระคายเคือง และทำให้ผิวดูแข็งแรงมากขึ้น
โปรแกรมฉายแสง LED Light Therapy เหมาะกับใครบ้าง?

- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ แข็งแรง ลดโอกาสการเกิดสิวใหม่
- ผู้ที่มีรอยดำ รอยแดง รอยแผลเป็น หรือผิวหมองคล้ำ
- ผู้ที่มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ
- ผู้ที่ต้องการลดอาการบวมและอักเสบ ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
- ผู้ที่ต้องการดูแลผิวแบบอ่อนโยน ไม่เจ็บตัว และไม่ต้องพักฟื้น
ข้อดีและข้อจำกัดของโปรแกรมฉายแสง LED Light Therapy
ข้อดี
- มีแสงให้เลือกหลากหลาย ครอบคลุมปัญหาผิว
- เทคโนโลยีปลอดภัย ไม่มีรังสียูวี ไม่ทำลายผิว
- ขณะทำรู้สึกสบาย ไม่เจ็บ เหมือนได้พักผ่อน
- ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ เห็นผลค่อยเป็นค่อยไป
ข้อจำกัด
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคผิวหนังรุนแรง เป็นมะเร็งผิวหนัง หรือกำลังใช้ยาที่ทำให้ผิวไวต่อแสง
- ต้องทำต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจน
- บางรายอาจมีอาการผิวแห้งหรือลอกเล็กน้อยหลังทำ
โปรแกรมฉายแสง LED Light Therapy ทำร่วมกับหัตถการอะไรได้บ้าง?
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ยาวนาน แพทย์มักแนะนำให้ทำ โปรแกรมฉายแสง LED Light Therapy ร่วมกับ
- ทรีตเมนต์หน้าใส เพื่อเติมความชุ่มชื้นและสารอาหารให้ผิว
- เลเซอร์หน้าใส เพื่อฟื้นฟูผิวในระดับลึกและลดรอยดำ
- มาส์กบำรุงผิว เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวและดูเปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้น
ทำไมต้องฉายแสง LED หลังเลเซอร์
หลังทำเลเซอร์ ผิวมักอยู่ในภาวะอ่อนแอและไวต่อแสง การฉายแสง LED จะช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ และกระตุ้นการฟื้นฟูของเซลล์ให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะแสง LED สีแดงและสีเหลือง จะช่วยลดรอยแดงและเสริมการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวฟื้นตัวได้ดีขึ้นและลดความเสี่ยงของการเกิดรอยดำหลังเลเซอร์
โปรแกรมฉายแสง LED Light Therapy แตกต่างจากเลเซอร์อย่างไร?

แม้โปรแกรม ฉายแสง LED Light Therapy และ เลเซอร์ (Laser Treatment) จะใช้พลังงานแสงเหมือนกัน แต่หลักการทำงานและจุดประสงค์ต่างกันอย่างชัดเจน
- ฉายแสง (LED Light Therapy) ใช้พลังงานแสงอ่อนโยนในการฟื้นฟูผิว ช่วยลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และปรับสมดุลผิวให้แข็งแรงขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง หรือผู้ที่ต้องการบำรุงให้ผิวแข็งแรง สุขภาพดี
- เลเซอร์ (Laser Treatment) ใช้พลังงานความเข้มสูง ยิงลึกถึงชั้นผิวเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะจุด เช่น ฝ้า กระ รอยดำ หรือรอยสิว ให้ผลลัพธ์เห็นชัดในระยะสั้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวอย่างรวดเร็วและตรงจุด
ดังนั้น การฉายแสง LED Light Therapy จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวแบบอ่อนโยน ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น และได้ผลลัพธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไปอย่างเป็นธรรมชาติ
โปรแกรมฉายแสง LED Light Therapy เห็นผลไหม?
ผลลัพธ์จากการฉายแสง LED จะค่อย ๆ ปรากฏอย่างเป็นธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความสม่ำเสมอในการเข้ารับการรักษา โดยทั่วไป แพทย์จะแนะนำให้ทำต่อเนื่อง 4–8 ครั้ง ห่างกันสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อให้เซลล์ผิวได้รับการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อทำครบตามคอร์ส จะเริ่มสังเกตได้ว่าผิวดูกระจ่างใสขึ้น เรียบเนียนขึ้น และมีความแข็งแรงสุขภาพดีขึ้น
โปรแกรมฉายแสง LED Light Therapy อันตรายไหม
LED Light Therapy เป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยสูง เพราะใช้พลังงานแสงระดับต่ำ (Low-Level Light) ที่ไม่ก่อให้เกิดความร้อนสะสมหรือทำลายผิว ไม่มีรังสี UV จึงไม่ทำให้ผิวไหม้หรือเกิดอันตรายเหมือนการรับแสงแดดโดยตรง ขณะทำไม่เจ็บ ไม่มีบาดแผล และไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว แม้ผิวบอบบางหรือแพ้ง่ายก็สามารถทำได้อย่างปลอดภัย
การเตรียมตัวก่อนทำโปรแกรมฉายแสง LED Light Therapy

- งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น วิตามิน A, AHA หรือ Retinol อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำ
- งดการแว็กซ์ ขัด และสครับผิว
- งดการทำเลเซอร์ในบริเวณเดียวกันอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการฉายแสง
การดูแลผิวหลังทำ โปรแกรมฉายแสงฟื้นฟูผิว

- ทาครีมกันแดด SPF 50+ ทุกวัน เพื่อป้องกันรอยคล้ำและการอักเสบหลังทำ
- ทาครีมบำรุงหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์เนื้ออ่อนโยน เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น
- งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น วิตามิน A, AHA, BHA หรือ Retinol อย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังทำ
โปรแกรมฉายแสงฟื้นฟูผิว ราคาเท่าไหร่
โปรแกรมฉายแสง LED Light Therapy มีราคาเริ่มต้นที่ 990 บาทต่อครั้ง โดยสามารถเลือกทำได้ทั้งแบบ รายครั้งหรือรายคอร์ส
แพทย์มักแนะนำให้ทำควบคู่กับ ทรีตเมนต์หน้าใส หรือ เลเซอร์หน้าใส เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวให้เห็นผลชัดและยาวนานขึ้น
สรุป
โปรแกรมฉายแสง LED Light Therapy ถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีดูแลผิวที่มีความอ่อนโยนและปลอดภัย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวจากภายในโดยไม่ต้องพักฟื้น ช่วยลดสิว ริ้วรอย ความหมองคล้ำ และฟื้นฟูสภาพผิวให้แข็งแรงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
สำหรับใครที่สนใจ สามารถเข้ามาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ฟรี เพื่อออกแบบโปรแกรมที่เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่สวยใสและมั่นใจมากยิ่งขึ้นค่ะ



