รอยสิว เกิดจากอะไร ?

สาเหตุที่ทำให้เกิดจาก รอยสิว นั้นเกิดจากสิว เมื่อเป็นสิวจะเกิดจากการอักเสบของผิวและมีการขยายตัวของหลอดเลือดรอบๆ ทำให้เห็นเป็นสิวนูน แดง เจ็บ หากปล่อยให้มีการอักเสบเป็นระยะเวลานาน ร่วมกับมีการบีบ แกะ เกา อาจก่อให้เกิดการรวมตัวของเม็ดสีมากขึ้น รอยสิวแดงจึงกลายเป็นรอยดำ ที่รักษายากตามมา

รอยสิว มีกี่ชนิด ?

รอยสิว มีกี่ชนิด ?

  • รอยแดง (Post-inflammatory erythema – PIE) : เกิดจากการอักเสบของผิวหนังที่ทำให้เกิดรอยแดงหรือรอยแผลที่ไม่ดำ ซึ่งจะค่อยๆ จางหายเมื่อเวลาผ่านไป
  • รอยดำ (Post-inflammatory hyperpigmentation – PIH) : เกิดจากการอักเสบของผิวที่เกิดขึ้นหลังจากที่สิวหายไปแล้ว มักเป็นจุดด่างดำที่มีสีคล้ำ เช่น น้ำตาลหรือดำ ซึ่งเป็นผลจากการผลิตเม็ดสีที่มากเกินไปจากการอักเสบ แต่ไม่เป็นแผลถาวรและสามารถรักษาให้หายได้
  • แผลเป็นจากสิว (Acne scars) : เกิดจากการอักเสบที่รุนแรงหรือจากการบีบสิว ทำให้เกิดการทำลายผิวหนังและเกิดแผลเป็น ซึ่งสามารถแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ได้แก่
    • แผลเป็นแบบหลุม (Atrophic scars) : รอยแผลที่มีลักษณะเป็นหลุมลึก เช่น
      • Rolling Scars : หลุมสิวแบบตื้น คล้ายแอ่งเว้าหรือหลุมโค้งตื้น 
      • เป็นระดับทั่วไป
      • Ice-pick Scars : หลุมสิวแคบและลึก เหมือนโดนของแหลมเจาะ
      • เป็นระดับรุนแรง
      • Boxcar Scars : หลุมสิวแบบกว้าง เห็นขอบชัด คล้ายสี่เหลี่ยม เป็นระดับปานกลาง
    • แผลเป็นแบบนูน (Hypertrophic scars) : รอยแผลที่นูนขึ้นเหนือผิว เกิดจากการสมานตัวของเนื้อเยื่อที่มากเกินไป ทำให้ผิวมีลักษณะนูนและหนาขึ้น

วิธีรักษารอยสิว

1. การรักษาตั้งแต่ยังเป็นสิว

เป็นการลดรอยสิวที่เร็วที่สุด เมื่อเกิดสิวไม่ควรละเลย ควรใช้ยาลดการอักเสบของสิว หรือหากสิวอักเสบมาก อาจฉีดสิว เพื่อลดการอักเสบและให้หายเร็วขึ้น

💡Tip: หากการอักเสบหายไว รอยสิวจะจางเร็วขึ้นตามไปด้วย

2. การรักษารอยดำและรอยแดงหลังสิวหาย

การใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยสิว เช่น เจลแต้มสิว สเปรย์ลดสิว หรือครีมลดรอยสิว สามารถช่วยให้รอยดำและรอยแดงจางลงไว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมช่วยลดการอักเสบ ลดเม็ดสี และผลัดเซลล์ผิว เช่น

  • Alpha Hydroxy Acids (AHA) ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า รอยดำจางลงและทำให้ผิวนุ่มเนียนขึ้น
  • Vitamin C ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีและปรับผิวให้กระจ่างใส
  • Retinol ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดรอยดำและริ้วรอยร่องตื้น
  • Niacinamide ต้านการอักเสบ ลดรอยแดง และลดการเกิดสิว
  • Hydroquinone ช่วยลดการสร้างเม็ดสีและปรับผิวให้กระจ่างใส

การจางของรอยสิว จุดด่างดำ จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ซึ่งอาจใช้เวลา 8-12 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น ควรใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยสิวร่วมกับการทำหัตถการ  จะเห็นผลลัพธ์ได้ไวยิ่งขึ้น

7 หัตถการลดรอยสิว ที่เห็นผลเร็วที่สุด

1. Skin Treatments

Skin Treatments

ทรีตเมนต์ผิว เป็นวิธีผลักวิตามินเข้าเซลล์ผิวโดยตรงและรวดเร็ว กว่าการทาครีมปกติ โดยจะใช้คลื่นไฟฟ้าเพื่อผลักวิตามิน สามารถเลือกวิตามินที่เหมาะกับแต่ละปัญหาผิวของแต่ละบุคลลได้ เช่น วิตามินผลัดเซลล์ผิวผิวอ่อนวัย สูตรกระจ่างใส ลดริ้วรอย สูตรผิวนุ่มชุ่มชื้น เป็นต้น เป็นหัตถการที่ทำให้เม็ดสี รอยดำรอยแดงจางได้ไว ราคาสบายกระเป๋า และสบายผิวอีกด้วย

2. BioLight Therapy

BioLight Therapy

BioLight Therapy เป็นการบำบัดด้วยแสง ช่วยในการรักษาผิวหนังและกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูของผิว โดยเฉพาะในกรณีของการลดปัญหาผิวที่เกิดจากสิวสามารถใช้ได้ทั้งลดรอยสิว ป้องกันการเกิดสิวซ้ำ ซึ่งแสงแต่ละสีช่วยแก้ไขปัญหาอะไรบ้าง

  • แสงสีแดง ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูผิว
  • แสงสีเขียว ลดรอยแดง ลดการเกิดสิว ผิวใส
  • แสงสีเหลือง ผิวใส ลดรอยดำ ฝ้ากระ
  • แสงสีฟ้า ฆ่าเชื้อสิว ป้องกันการเกิดสิวซ้ำบริเวณเดิม

3. ใช้เลเซอร์ลดรอยสิว

Pico Laser เลเซอร์ยอดนิยมในหมวดหมู่ลดเม็ดสี เป็นเลเซอร์ปล่อยคลื่นความกระแทกความถี่สูงทำให้เม็ดสีแตกละเอียด ดูดซึมไว ส่งผลให้รอยจางได้ไว ลดได้ทั้งรอยดำ รอยแดง กระตุ้นคอลลาเจน เพิ่มความแข็งแรงของชั้นผิว และกระชับรูขุมขนได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเลเซอร์ลดรอยดำ Q-Switch และ Dual Yellow

4. การใช้ Fractional CO2 Laser

Fractional CO2 Laser

Fractional CO2 Laser เป็นเลเซอร์ที่ใช้พลังงานแสง เพื่อทำลายเนื้อเยื่อผิวหนังในลักษณะของจุดเล็ก ๆ หรือเม็ดเล็ก ๆ บนผิว ซึ่งจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง เพื่อให้ผิวหนังฟื้นฟูตัวเองจากภายใน ช่วยรักษารักษารอยสิว ลดริ้วรอย หลุมสิวตื้นขึ้น ฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส รักษาผิวที่มีความหยาบกร้าน

5. การใช้เลเซอร์กำจัดขน

การอักเสบของรูขุมขน ที่เกิดจากการโกน การถอนขน เป็นปัญหาทำให้เกิดสิวรอยสิวที่หลาย ๆ คนอาจมองข้าม การเลือกใช้เลเซอร์กำจัดขน เช่น Diode 4D Max Laser เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดการเกิดสิว ป้องกันรูขุมขนอักเสบ ลดการเกิดรอยสิว รอยดำบนใบหน้าและลำตัวได้เช่นกัน

6. เมโสหน้าใส

เมโสหน้าใส

เมโสหน้าใส เป็นหัตถการยอดฮิตที่ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสและเห็นผลเร็ว โดยการฉีดสารบำรุงผิวเข้าไปในชั้นผิวหนัง ซึ่งสามารถเลือกตัวยาที่ใช้ได้ตามความต้องการ เช่น การลดหรือยับยั้งการผลิตเม็ดสี เพื่อลดจุดด่างดำ ฝ้ากระ หรือกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูผิวหน้า การฉีดสามารถทำได้ทั้งการฉีดเฉพาะจุดที่มีปัญหา หรือกระจายทั่วหน้าประมาณ 16 จุดเพื่อบำรุงผิวให้กระจ่างใสและเรียบเนียน

7. การฉีดวิตามิน

การฉีดวิตามิน เป็นการให้วิตามินหรือสารอาหารเข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเลือด เพื่อเสริมสร้างสุขภาพผิวและฟื้นฟูสภาพร่างกาย ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงกว่าการทานวิตามินแบบปกติ โดยจะมีสูตรที่ช่วยให้ผิวใส ผิวนุ่มชุ่มชื้น และเสริมภูมิคุ้มกัน

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวและรอยสิว

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวและรอยสิว

  • งดการแกะ การบีบสิว การสัมผัสบริเวณสิว เพราะจะทำให้เกิดรอยดำได้อย่างชัดเจน
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดสิว รวมถึงอาหารที่ก่อให้การแพ้ หรือเกิดการผลิตน้ำมันมากขึ้น
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
  • สครับผิว สามารถสครับผิวเพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่า ลดรอยดำสร้างผิวใหม่ แต่ควรเลือกสครับที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และไม่ควรสครับบ่อยเกินไป
  • การมาส์กหน้า สามารถเลือกใช้สูตรธรรมชาติ หรือมาส์กที่มีสารบำรุงเข้มข้นเหมาะกับลดรอยสิวปรับผิวใส
  • หลีกเลี่ยงแสงแดด เนื่องจาก แสงแดดจะทำให้บริเวณรอยสิวเม็ดสีเข็มขึ้น ทากันแดด SPF50 PA++++ อย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ

สรุป

รอยสิว เป็นปัญหาที่สามารถรักษาได้ แม้ว่าจะฝังลึก แต่การรักษาแต่ละประเภทอาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน สามารถเริ่มรักษาด้วยตัวเองโดยการใช้ครีมหรือผลิตภัณฑ์ลดรอยสิว หรือเพิ่มความรวดเร็วในการทำให้รอยจางลงด้วยหัตถการ เช่น การฉีดหรือเลเซอร์เพื่อลดรอยดำ รอยแดง และปรับผิวให้สม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ควรรักษาตั้งแต่ยังเป็นสิวอยู่และจัดการสิวให้หายโดยเร็ว เพราะยิ่งปล่อยรอยไว้นาน การรักษาจะยิ่งยากขึ้น