ร้อยไหม คืออะไร ?

การร้อยไหม (Thread Lift) เป็นการนำเส้นไหมสอดเข้าไปชั้นใต้ผิวหนัง ไหมที่ใช้จะมีลักษณะเป็นเส้นเรียบหรือมีเงี่ยง โดยหวังผลในการยกผิวตามแนวเส้นไหม หลังจากนั้นเกิดการกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นรอบ ๆ เส้นไหม ทำให้ผิวยกกระชับขึ้นตั้งแต่หลังทำทันที

ไหมแต่ละชนิดต่างกันอย่างไร ?

ไหมแต่ละชนิดต่างกันอย่างไร ?

ปัจจุบันไหมยกหน้ามีหลากหลายชนิดมาก แต่ที่นิยมนำมาใช้ในการยกหน้าจะเป็นไหมมีเงี่ยง และความแตกต่างยังขึ้นอยู่กับวัสดุ รูปร่างไหม และระยะเวลาในการสลายของเส้นไหม ดังนั้นสามารถเลือกได้ตามปัญหาและความต้องการของคนไข้ ยกตัวอย่างดังนี้

  • PDO (Polydioxanone) มีความยืดหยุ่นสูง เป็นที่นิยมมาก สามารถละลายหมดภายใน 6-8 เดือน 
  • PLLA (Poly-L-lactate acid) มีความแข็งแรง แต่ขาดความยืดหยุ่น อาจเปราะและขาดง่าย สามารถละลายหมดภายใน 12- 18 เดือน 
  • PCL (Polycaprolactone) ไหมเส้นใหญ่ แต่ยืดหยุ่นสูง ลดการขาดได้ดี สามารถละลายหมดภายใน 18-24 เดือน

ความรู้สึกระหว่างร้อยไหม

ก่อนการรักษาจะมีการฉีดยาชา ทำให้ระหว่างร้อยไหมจะไม่รู้สึกเจ็บ แต่จะมีความรู้สึก ตึงๆ บริเวณที่เส้นไหมผ่าน และรู้สึกถึงผิวที่ถูกดึงยก >> อ่านบทความ 7 ข้อที่ควรรู้ ก่อนร้อยไหม

ร้อยไหม เหมาะกับใคร ?

  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลเรื่องการปรับรูปหน้า ยกหน้าชัดเจน
  • ผู้ที่มีปัญหาหย่อนคล้ายปานกลาง ช่วงอายุ 30-50 ปี 
  • เหมาะกับผู้ที่ยังไม่ต้องการผ่าตัดยกกระชับใบหน้า

ข้อดี-ข้อเสียของการร้อยไหม

ข้อดีของการร้อยไหม

  • ผลลัพธ์ชัดเจนหลังทำ ผิวดูยกกระชับขึ้นทันที
  • สามารถยกกระชับและปรับรูปหน้าได้ กรอบหน้าชัด ยกคิ้ว ยกหางตา (Foxy eyes) ยกแก้มห้อย ลดเหนียง เป็นต้น
  • คงผลลัพธ์ได้นาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดเส้นไหมและการดูแลหลังทำ
  • ใช้เวลาพักฟื้นไม่นานเมื่อเทียบกับการผ่าตัดยกกระชับหน้า

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ของการร้อยไหม

  • มีอาการตึง ระบมบริเวณที่ร้อยไหม อาการจะค่อยๆดีขึ้นและหายได้เองภายใน 4-7 วัน 
  • อาจมีอาการบวม เขียว ช้ำ อาการจะค่อยๆดีขึ้นและหายได้เองภายใน 7-14 วัน 
  • อาจมีรอยบุ๋ม หรือเป็นปมเล็กน้อย แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นหลัง 14 วัน

ภาวะแทรกซ้อนที่ควรระวัง

ผู้ที่มีอาการแพ้ส่วนผสมของวัสดุในไหม หรือมีอาการติดเชื้อควรแจ้งแพทย์ทันที เมื่อมีอาการเหล่านี้

  • หากมีอาการเจ็บ ปวดอย่างต่อเนื่อง บวม มากกว่า 48 ชั่วโมง
  • มีของเหลวสีดำ หรือเขียวไหลบริเวณแผลที่เปิด
  • มีไข้

ข้อจำกัดของการร้อยไหม

  • มีอาการตึง ๆ บวมหลังร้อยไหม 1-2 สัปดาห์ ต้องรอยุบและเข้าที่หลัง 2 สัปดาห์
  • ต้องดูแลหลังรักษา เพื่อหลีกเลี่ยงการที่ไหมขาดหรือติดเชื้อตามมา
  • ผู้ที่มีไขมันใบหน้าเยอะ อาจแนะนำให้ทำหัตถการลดไขมันก่อนการร้อยไหมจึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้น

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับร้อยไหม

ร้อยไหม อยู่ได้กี่เดือน? 

การร้อยไหม สามารถอยู่ได้ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมที่ใช้ และการดูแลหลังการทำหัตถการ โดย PCL (Polycaprolactone)  อยู่ได้ 1 ปี และ PDO  (Polydioxanone) อยู่ได้ 4-5 เดือน 

ข้อปฏิบัติก่อนร้อยไหม

  • แจ้งประวัติโรคประจำตัว การแพ้ยา และยาที่รับประทานประจำอยู่ในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนร้อยไหม 
  • ควรงดยาสลายลิ่มเลือด กลุ่มต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs), วิตามินเสริมต่าง ๆ 
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อน 24 ชั่วโมง

การดูแลตัวเองหลังร้อยไหม

  • มีอาการบวมแดง ตึง สามารถใช้น้ำแข็งประคบเบา ๆ จะหายได้เองภายใน 4-7 วัน
  • งดการกด นวด แกะ บริเวณที่ร้อยไหม
  • งดนอนตะแคงทับเส้นไหม หรือขยับใบหน้ามากเกินไป ช่วง 1 สัปดาห์แรก
  • งดเลเซอร์ที่มีความร้อนลงสู่ผิว ประมาณ 2 เดือน

Hifu คืออะไร ?

Hifu (High-Intensity Focused Ultrasound) คือ เครื่องยกกระชับ ปรับหน้าเรียว ช่วยป้องกันหรือชะลอความหย่อนคล้อยของผิว >> อ่านบทความ HIFU ยกกระชับ ปรับหน้าเรียว ได้จริงไหม ?

มีหลักการทำงาน โดยใช้คลื่นอัลตราซาวด์โฟกัสความถี่สูง ส่งพลังงานไปยังผิวหนัง ลงลึกได้ถึงชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) เป็นชั้นผิวในการผ่าตัดยกกระชับหน้า โดยจะเกิดจุดความร้อนสูงบริเวณเนื้อเยื่อที่ต้องการยกกระชับ ซึ่งจะไม่ทำให้ผิวด้านบนหรือเนื้อเยื่อข้างเคียงเสียหาย ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้ผิวหน้ายกกระชับ ผิวแข็งแรง เต่งตึงขึ้น

ความรู้สึกระหว่างทำ HIFU

มีความรู้สึกเหมือนไฟฟ้าลงไปยังชั้นผิวเป็นจุดเล็ก ๆ เป็นแนว จะรู้สึกมากบริเวณกระดูกช่วงแนวกราม โหนกแก้ม บางบริเวณรู้สึกแค่อุ่น ๆ

Hifu เหมาะกับใคร ?

  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับเล็กน้อย ถึงปานกลาง 
  • ผู้ที่ต้องการการยกกระชับผิวหน้า ลดไขมันใบหน้า
  • เหมาะกับผู้ที่กลัวเข็ม  
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก ต้องใช้จำนวนครั้งในการรักษามากขึ้น

วิธีเช็คผิวว่าควรทำ Hifu หรือไม่ ?

Hifu เหมาะกับการป้องกันหรือชะลอการหย่อนคล้อย วิธีเช็คผิวว่าควรทำ HIFU หรือไม่ คือการดึงผิวให้ยืดออก บริเวณหน้าแก้ม หรือใต้ดวงตา ผิวเด้งกลับช้ากว่า 1 วินาที แสดงว่าผิวมีความย่อนคล้อยแล้ว

ข้อดี-ข้อเสียของการทำ Hifu 

ข้อดีของ Hifu

  • ใช้ยกกระชับผิวบริเวณแก้ม เหนียง คิ้ว กรอบหน้า
  • ช่วยลดไขมันหน้าได้
  • เห็ยผลลัพธ์หลังทำทันที ประมาณ 20% เห็นผลเต็มที่หลัง 3 เดือน หลังการทำครั้งสุดท้าย
  • ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้ตามปกติ
  • สามารถทำได้บ่อยครั้ง 
  • ราคาย่อมเยาว์
  • เจ็บน้อย หรือแทบไม่เจ็บเลย

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ของ Hifu

  • อาจมีอาการแดง บวมเล็กน้อยหลังการรักษาสามารถหายได้เองภายใน 1-2 ชั่วโมง
  • มีอาการปวดบริเวณแนวกระดูก บางท่านปวดเฉพาะขณะรักษา และหากมีอาการปวดคงค้าง สามารถทานยาแก้ปวดได้ 

ข้อจำกัดของ Hifu

  • ในผู้ที่อายุมาก มีผิวหย่อนคล้อยมาก ผิวไม่สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
  • ผู้ที่มีปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น กล้ามเนื้อกรามใหญ่ กระดูกกรามหรือโหนกแก้มใหญ่ มีไขมันหนา หรือมีเนื้อเกิน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Hifu

ทำ Hifu กี่ครั้งเห็นผล ?
หลังทำครั้งแรกสามารถเห็นผลได้ทันทีประมาณ 20% และจะค่อย ๆ กระชับขึ้น เมื่อผ่านไป 2-3 เดือน จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น รู้สึกถึงผิวที่แน่น กระชับขึ้น ความย่อนคล้อยน้อยลง

ทำ Hifu อยู่ได้กี่เดือน? 
ผลลัพธ์ของ HIFU อยู่ได้นานประมาณ  6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลรักษาของแต่ละบุคคล 

ควรทำ Hifu บ่อยแค่ไหน ? 
สามารถทำเพิ่มได้หลังทำครั้งแรกอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อให้เซลล์สร้าง collagen ให้เต็มที่ จากนั้นสามารถทำซ้ำทุก 6 เดือน เพื่อคงผลลัพธ์ให้ยาวนาน

ร้อยไหม หรือ Hifu แบบไหนดีกว่ากัน ?

ร้อยไหม หรือ Hifu แบบไหนดีกว่ากัน?

ร้อยไหม และ Hifu มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัญหาผิว ความต้องการ และงบประมาณของแต่ละบุคคล หากมีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง HIFU ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ เนื่องจากไม่ต้องการพักฟื้น  แต่ท่านใดที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ชัดเจน อยู่ได้ค่อนข้างนาน อาจเลือกเป็นการร้อยไหมค่ะ

ทำ Hifu และ ร้อยไหม ร่วมกันได้ไหม?

สามารถทำร่วมกันได้ เนื่องจากเป็นเทคนิคที่ทำงานคนละชั้นผิวและเสริมประสิทธิภาพกันได้ดี โดย HIFU จะเน้นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนผิวเต่งตึง ชะลอและป้องกันการหย่อนคล้อย ในขณะที่ร้อยไหมจะช่วยยกผิวหน้าทำให้เห็นผลได้ทันที ควรทำควบคู่กัน โดยส่วนใหญ่จะทำ Hifu เพื่อกระตุ้นงานผิวก่อน หลัง 3-4 สัปดาห์จึงมาร้อยไหมเก็บความกระชับ เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

สรุป

การแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อยด้วยวิธี ร้อยไหม หรือ Hifu สามารถเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทำร่วมกันได้เพื่อเสริมผลลัพธ์ในการยกกระชับ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินปัญหาผิว เลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมและเห็นผลลัพธ์ดีที่สุดของแต่ละบุคคลได้ที่โมเดลล่าคลินิก